
|
|
|
ภาพจาก scleroderma.org
โรคหนังแข็ง โรคชื่อประหลาดที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ เพราะเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน และที่ร้ายกาจก็คือไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
โรคหนังแข็ง เมื่อได้ยินชื่อนี้หลายคนก็อาจจะเกิดความสงสัยว่าเจ้าโรคชื่อประหลาดนี้คือโรคอะไรกันแน่ หลายคนอาจจะคิดว่าไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงอะไร เพราะชื่อของโรคก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่หารู้ไม่ว่าจริง ๆ แล้วโรคนี้มีความอันตรายและความน่ากลัวไม่น้อยเลยเชียวละค่ะ แต่ความอันตรายและความน่ากลัวจะมีมากขนาดไหนนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมมีคำตอบให้ทุกท่านได้มาเรียนรู้กันค่ะ ถึงอาจจะไม่ใช่โรคใกล้ตัว แต่รู้เอาไว้ระวังภัยดีกว่าเนอะ
โรคหนังแข็ง (Scleroderma) เป็นโรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ โดยจัดเป็นโรคที่อยู่ในกลุ่มของโรคที่มีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งมีโอกาสเป็นเพียง 1,000 ต่อ 67 ล้านคนเท่านั้น ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรค แต่ลักษณะของโรคนั้นจะเกิดจากการสะสมของเส้นใยคอลลาเจนที่มากผิดปกติที่บริเวณหนังแท้และผนังหลอดเลือด ทำให้อวัยวะภายในเกิดการแข็งตัวและหนา รวมทั้งผิวหนังภายนอกก็จะเกิดการบวม ตึง และแข็งเป็นบริเวณกว้าง จนดูคล้ายผิวขิงหุ่นขี้ผึ้งที่แข็งตึงจนหยิบไม่ขึ้น รวมทั้งขาดความยืดหยุ่นอีกด้วย
โรคหนังแข็งเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะส่งผลกระทบทั้งทางผิวหนังภายนอกและอวัยวะภายใน โดยมีอาการดังนี้

ภาพจาก scleroderma.org
ผิวหนังจะกลายเป็นสีดำ ไม่สามารถกำมือได้ มือจะขาวหรือสีซีดเนื่องจากเส้นเลือดหดตัว หลังจากนั้นมือจะกลายเป็นสีม่วงหรือคล้ำเนื่องจากภาวะผิวหนังขาดออกซิเจน ต่อมามือจะเป็นสีแดงเพราะเลือดที่ไหลไปเลี้ยงเพิ่มขึ้น และอาจพบแผลจุดเล็ก ๆ ที่บริเวณปลายนิ้วอีกด้วย โดยอาการเหล่านี้จะเริ่มขึ้นที่มือก่อนแล้วจึงลามไปที่แขน ใบหน้า ลำตัว เมื่อกระจายไปที่บริเวณหน้าจะเกิดหน้าผากย่น ยิ้มยาก หากกระจายไปตามลำตัวจะพบด่างขาวเป็นจุด ๆ
หลอดอาหาร : 80 % ของผู้ป่วยโรคหนังแข็งจะมีอาการทางหลอดอาหาร ทำให้เวลากลืนอาหารทำได้ลำบาก และรู้สึกเจ็บเวลากลืนอาหาร เนื่องจากการเคลื่อนไหวของหลอดอาหารน้อยลง เกิดกรดไหลย้อน หรือหลอดอาหารอักเสบ แสบร้อนกลางอก หากเกิดที่ลำไส้จะทำให้ระบบการทำงานของลำไส้ผิดปกติจนเกิดอาการท้องผูกหรือถ่ายเหลว รวมทั้งจะเรอบ่อยผิดปกติหลังจากรับประทานอาหาร

ภาพจาก scleroderma.org
ทั้งนี้ยังมีอาการอื่น ๆ อีกเช่น อาการตาแห้ง ปากแห้ง เนื่องจากใยคอลลาเจนเข้าไปแทรกอยู่ในต่อมน้ำตา และต่อมน้ำลาย มีอาการชาตามปลายมือปลายเท้า เนื่องจากปลายประสาทบริเวณนิ้วมือหรือข้อมือถูกเบียดรัด
โดยส่วนใหญ่แล้วโรคหนังแข็งมักจะพบบ่อยในคนที่มีเชื้อสายอยู่ทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการสันนิฐานว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับลักษณะทางพันธุกรรมบางอย่าง นอกจากนี้ยังพบในผู้ใหญ่วัยตั้งแต่ 30 - 60 ปีขึ้นไป ซึ่งเพศหญิงจะมีความเสี่ยงกว่าเพศชายอยู่เล็กน้อย และสามารถพบได้ในครอบครัวเดียวกัน
อย่างเช่นหากแม่เป็น ลูกก็มีสิทธิ์จะเป็นได้เช่นกัน หรือ พี่น้องหากมีคนใดเป็นโรคหนังแข็ง พี่น้องร่วมสายเลือดก็มีสิทธิ์เป็นได้เช่นกัน แต่ก็มีการพบไม่บ่อยนัก ไม่เพียงเท่านั้นโรคหนังแข็งสามารถเกิดร่วมกับโรคภูมิแพ้ตนเองอื่น ๆ เช่น โรคเอสแอลอี กลุ่มอาการโจเกรน หรือโรคกล้ามเนื้ออักเสบได้อีกด้วยค่ะ

ภาพจาก hudlegekontoret.no
โรคหนังแข็งมีวิธีการรักษา 2 แบบได้แก่การใช้ยา และการไม่ใช้ยา แต่ทั้ง 2 แบบก็เป็นการรักษาประคับประคองตามอาการเพียงเท่านั้น โดยการใช้ยาจะให้ยาที่มีฤทธิ์ในการช่วยยับยั้งและการสะสมตัวของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในอวัยวะต่าง ๆ รวมทั้งให้ยาขยายหลอดเลือดอาการปลายนิ้วซีด รวมทั้งลดอาการปวด
นอกจากนี้อาจจะเป็นยาที่ช่วยในการเคลื่อนไหวของทางเดินอาหาร โดยการรักษานั้นสามารถหยุดได้เมื่ออาการสงบลง แต่ถ้าหากมีอาการกำเริบอีกก็จะเป็นที่จะต้องรักษาตามอาการกันต่อไป และในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาดแต่อย่างใด
เนื่องจากโรคหนังแข็งนี้ยังเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันซึ่งแพทย์ยังไม่สามารถหาสาเหตุได้อย่างแน่ชัดถึงความผิดปกติ จึงทำให้ยังไม่มีวิธีการป้องกันโรคนี้เช่นเดียวกับโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตนเองค่ะ
ได้ทราบถึงข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับโรคหนังแข็งกันไปแล้ว หลายคนที่ไม่เคยได้ยินชื่อโรคนี้ก็คงจะพอรู้จักกันมาขึ้นแล้วใช่ไหมคะ ในเมื่อโรคนี้เราไม่สามารถป้องกันหรือรักษาให้หายขาดได้ เราก็ควรจะใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง และหากมีคนใกล้ชิดป่วยด้วยโรคนี้ละก็ ควรจะหมั่นให้กำลังใจเสมอ เพื่อที่ผู้ป่วยจะได้มีกำลังใจและมองโลกในแง่บวกมากขึ้นค่ะ
http://health.kapook.com/view114117



